วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ปลดล็อกกัญชา! มติเอกฉันท์ พ้นยาเสพติดให้โทษ 166ต่อ0





สนช.มอบของขวัญปีใหม่ มติเอกฉันท์ผ่านกฎหมายยาเสพติด พร้อมปลดล็อกกัญชาพ้นบัญชียาเสพติด นำมาใช้รักษาโรค ให้ ป.ป.ส.มีอำนาจกำหนดโซนนิ่งปลูกเพื่องานวิจัย และกำหนดพื้นที่เสพใบกระท่อมโดยไม่มีความผิด



วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ วาระ 2-3 จำนวน 28 มาตรา ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษที่มีนายสมชาย แสวงการ เป็นประธานพิจารณาเสร็จแล้ว 



โดยมีสาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คือ การพิจารณาปลดล็อกกัญชาและกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 ให้สามารถนำไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสามารถนำไปใช้รักษาโรคภายใต้การควบคุมและดูแลทางการแพทย์ได้ 

โดยการจะผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือจำหน่ายกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้นั้นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎกระทรวงกำหนด และความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ทั้งนี้ หากมีปริมาณการครองครองเกิน 10 กิโลกรัม ให้สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย







หน่วยงานที่จะได้รับอนุญาตให้ผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือจำหน่ายกัญชาได้นั้น ประกอบด้วย 

1. หน่วยงานรัฐ ที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยหรือจัดการเรียนการสอนวิชาด้านการแพทย์ เภสัชกรรม วิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ หรือหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ป้องกันปราบปรามแก้ปัญหายาเสพติด หรือสภากาชาดไทย 

2. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม การแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด 

3. สถาบันอุดมศึกษาที่ศึกษาและวิจัยด้านการแพทย์ 

4. ผู้ประกอบอาชีพเกษตรที่รวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชน จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยวิสาหกิจชุมชน 

5. ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ 

6. ผู้ป่วยที่เดินทางระหว่างประเทศที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาเสพติดติดตัว เพื่อใช้รักษาโรคเฉพาะตัว 

7. ผู้ขออนุญาตอื่น ที่รมว.สาธารณสุขเห็นชอบ



นอกจากนี้ยังกำหนดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้ความเห็นชอบการกำหนดโซนนิ่งในการปลูกกัญชา หรือผลิตทดสอบ เสพหรือครอบครองในปริมาณที่กำหนด รวมถึงมีอำนาจกำหนดให้ท้องที่ใดเป็นพื้นที่เสพกระท่อมได้โดยไม่เป็นความผิด โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง



ส่วนบทลงโทษนั้น หากครอบครองเพื่อจำหน่าย

โดยมีปริมาณกัญชาไม่ถึง 10 กิโลกรับ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ครอบครองเกิน 10 กิโลกรัม จำคุก 1-15 ปี ปรับ 100,000-1,500,000 บาท เป็นต้น 



ทั้งนี้ในร่างกฎหมายกำหนดให้เมื่อร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว 3 ปี ให้คณะกรมการควบคุมยาเสพติด ประเมินผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือครอบครองกัญชาทุก 6 เดือน 



ทั้งนี้ หลังจากที่สมาชิก สนช.พิจารณาสาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเสร็จครบทุกมาตราแล้ว ที่ประชุม สนช.ลงมติให้ควาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษด้วยคะแนน 166 ต่อ 0 งดออกเสียง 13 ให้กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป โดยประธานกรรมาธิการวิสามัญได้กล่าวขอบคุณสมาชิก สนช.ที่พิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่จาก สนช.และ ครม.มอบแก่ประชาชน เพื่อให้สามารถนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ หลังจากนี้จะเร่งพิจารณาออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ศึกชิงจ้าวสายน้ำ!! แข่งเรือยาวประเพณีบุ่งคล้า

  ศึกชิงจ้าวสายน้ำ แข่งเรือยาวประเพณีบุ่งคล้า 🛶 ร่วมสืบทอดประเพณี วัฒนธรรมทางสายน้ำอันยิ่งใหญ่ !! ระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน 2566 ณ ริมฝั่...