BREAKING NEWS
latest

728x90

ad

468x60

ad

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563

บึงกาฬ บุกร้องสื่อ!! สภา อบต หนองพันทาร้องสื่อนายกมีผลประโยชน์ทับซ้อน













เมื่อวันที่ 24 ส.ค.63 เวลา 09.00 น. นายสมยศ บริบูรณ์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพันทา อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ พร้อมด้วยสมาชิกกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ได้ทำหนังสือยื่นร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนจังหวัดบึงกาฬ กรณีนายธงชัย จิตนาม นายก อบต.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมีผลประโยชน์ทับซ้อนในตำแหน่งหน้าที่ ประธาน สภา อบต.หนองพันทา ได้เล่าว่าเมื่อประมาณ วันที่ 28 พ.ค.63 ได้มีการประชุมสมัยวิสามัญที่ 3 โดยสมาชิกสภาฯ ได้ยื่นกระทู้ด่วนสอบถามการบริหารงานของ นายธงชัย จิตนาม นายก อบต.ในเรื่องที่สงสัยดังต่อไปนี้ คือ



1. การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุฤดูร้อนมีความล่าช้าทำให้ผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อน



2. การปล่อยปละละเลยหน้าที่ราชการจนทำให้โครงการส่งเสริมการเรียนรู้เด็กปฐมวัยท้องถิ่นไทยผ่านการเล่น ประจำปี 2563 ถูกกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเรียกงบประมาณคืน และ



3. การปล่อยให้มีการปลอมแปลงเอกสารทางราชการในการจัดซื้ออาหารเสริมหรือนมโรงเรียนภาคเรียนที่ 1/2563 จนทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลหนองพันทาได้รับความเสียหายนั้น



ซึ่งการตอบกระทู้ถามของสมาชิก นายธงชัย จิตนาม นายก อบต.ครั้งนั้นเป็นการตอบที่ไม่ชัดเจนคลุมเครือและไม่ตรงประเด็น ทางสมาชิกสภา จึงได้ทำหนังสือถึง นายคารม คำพิทูรย์ นายอำเภอโซ่พิสัย ขอให้สอบสวนและวินิจฉัยการปฏิบัติราชการ ของนายธงชัย จิตงาม เพื่อให้ความเป็นธรรม และเคลียร์ปัญหาคาใจของมวลสมาชิกที่ยังมีความสงสัยเคลือบแคลงอยู่ เนื่องจากการตอบข้อซักถามยังไม่ชัดเจน และตรงประเด็น ทำให้ สภา ยิ่งเกิดความสงสัยว่านายก อบต จะมีพฤติกรรมที่มีลักษณะการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ เช่น การเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมจากกรณีการดำเนินการจัดซื้ออาหารเสริมหรือนมโรงเรียนภาคเรียนที่ 1/2563 กับกรณีการดำเนินการจัดซื้อวัสดุรายการก่อสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวน 3 ศูนย์เป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 51,000 บาท ซึ่งงบประมาณทั้ง 2 โครงการเป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจอยู่ในความรับผิดชอบของกองการศึกษา และองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพันทา แต่ตัวนายกกลับเร่งรีบการลงนามในสัญญาอาหารเสริมหรือนมโรงเรียนเพื่อให้เด็กได้ดื่มนมภายใน 1 สัปดาห์และส่งมอบอาหารเสริมให้องค์การบริหารส่วนตำบลหนองพันทาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากโครงการจัดซื้อวัสดุรายการก่อสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ล่าช้าทำให้ลูกหลานชาวตำบลหนองพันทาที่เรียนอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั้ง 3 ศูนย์ขาดประโยชน์ในการใช้สนามเด็กเล่นสร้างปัญญาจนทำให้ถูกกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเรียกคืนงบประมาณกลับไปนั้น



เป็นที่น่าสังเกตว่า การจัดซื้อจัดจ้างในการซื้อขายนมโรงเรียนในครั้งนี้ทางผู้เช่าช่วง ยังไม่ได้ลงนามในสัญญาต่อหน้าพยานและส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทางนายก อบต.หนองพันทา ก็ได้นำนมโรงเรียนซึ่งตัวเองเป็นผู้จำหน่ายอยู่แล้วมาส่งมอบให้กับโรงเรียน นอกจากนี้ก็ยังไปส่งที่เขตอำเภอปากคาดอีกด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทางสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการปฏิบัติราชการของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพันทา ตามมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและ อบต.พ. ศ.2537 นั้น จึงอาจเชื่อได้ว่า นายก อบต.ใช้โอกาสในฐานะตนเป็นผู้ดำรงตำแหน่งสร้างประโยชน์แก่ตน เบียดเบียนคุกคามประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ของรัฐ อันมีลักษณะเป็นผู้กระทำอันเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามนัยมาตรา 64/2 (3) จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนถึง นายคารม คำพิฑูรย์ นอภ.โซ่พิสัย เพื่อตั้งกรรมการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของ นายก อบต.หนองพันทา ซึ่งต่อมามีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้มีกรรมการรวมทั้งหมด 4 คน แต่เนื่องจากเวลาผ่านมาเนิ่นนาน เป็นเวลา 2 เดือนกว่าเกือบเข้าเดือนที่ 3 แล้ว จึงได้ทำหนังสือถึง นอภ.โซ่พิสัย ขอทราบผลการสอบสวนว่าเป็นอย่างไร และ นอภ.โซ่พิสัย พึ่งได้ตอบหนังสือมาให้ทราบเมื่อวันที่ 21 ส.ค.นี้ มีใจความสรุปได้ว่า ผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่แต่งตั้งไปแล้วนั้นได้เสนอถึง นายอำเภอเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวนการสอบสวน ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากหลักฐานในสำนวนมีจำนวนมากจะต้องพิจารณาโดยรายละเอียดรอบคอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นายอำเภอมีภารกิจและราชการอื่นๆ จำนวนมาก จึงต้องขอเวลาในการพิจารณา สำหรับการที่จะขอคัดสำเนาผลการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น ถือว่าเป็นข้อมูลข่าวสารของทางราชการ เป็นเรื่องของการกล่าวหาร้องเรียนกล่าวโทษกัน ซึ่งการเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ และการเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยของผู้ให้ข้อมูลได้ จึงเป็นข้อมูลข่าวสารที่ไม่ต้องเปิดเผยตามมาตรา 15 (2)(4)  แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ 2540 จึงไม่อาจให้คัดสำเนาตามที่ขอมาได้ แต่ผลการสอบสวนครั้งนี้ไม่ทราบผลว่าจะออกมาแบบไหนอย่างไร สภาฯ จึงไม่มั่นใจในผลการสอบสวนในครั้งนี้ จึงได้มายื่นหนังสือร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนได้ช่วยติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดให้ต่อไปด้วย.








































« PREV
NEXT »

ไม่มีความคิดเห็น