วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ครม.อนุมัติโครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย ลุยจ้างงานกว่า 6หมื่นคน






ครม.เห็นชอบอนุมัติ โครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย เดินหน้าจ้างงานไม่น้อยกว่า 60,000 ตำแหน่ง หวังลดความยากจน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบอนุมัติ"โครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย" ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยของรัฐ เป็นหน่วยงานดูแลภารกิจระดับเศรษฐกิจสังคมของตำบล ในแต่ละตำบลจะมี 1 มหาวิทยาลัย เข้าไปช่วยทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายหลักที่จะลดความยากจน โครงการนี้จะมีระยะเวลาประมาณ 1 ปี


ทั้งนี้ โครงการจะมีการจ้างงานไม่น้อยกว่า 60,000 คน เพื่อช่วยในกิจกรรมต่างๆ ของแต่ละตำบล เช่น เป็นการยกระดับเศรษฐกิจของสังคมในตำบล เป็นการสร้างและพัฒนาอาชีพใหม่ เป็นการส่งเสริมความเข้มแข็งของวิสาหกิจชุมชน เป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน เป็นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมนชน เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น สุขภาพ การศึกษา ความปลอดภัยในชุมชน รวมถึงเป็นการฟื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อมในแต่ละตำบลด้วย


ในระยะแรกจะดำเนินการในพื้นที่ 3,000 ตำบลทั่วประเทศ โดยมีมหาวิทยาลัย 73 แห่งเข้ามาเพื่อดำเนินการในทุกภูมิภาคของประเทศ งบประมาณ 10,629.6 ล้านบาท ในการดำเนินการจะเป็นการจ้างงาน บัณฑิตจบใหม่ ประชาชนในพื้นที่ นักศึกษา


- ในส่วนของประชาชนทั่วไป จะจ้างประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่ว่างงาน และไม่ได้รับค่าตอบแทน ค่าจ้าง จากหน่วยงานอื่น และภาครัฐ หรือเอกชน โดยจ้างในอัตรา 9,000 บาท/เดือน


- บัณฑิตจบใหม่ที่สำเร็จการศึกษาไม่เกิน 3 ปี และมีความรู้ความสามารถที่ตรงกับภารกิจการปฎิบัติงาน จะจ้างในอัตรา 15,000 บาท/เดือน


- ส่วนนักศึกษาและนักศึกษาหรือผู้ที่อยู่ระหว่างการศึกษาในระดับอุดมศึกษา อาชีวศึกษา จากสถาบันการศึกษาต่างๆ และมีความรู้ความสามารถที่ตรงต่อภารกิจในการปฏิบัติงาน จะได้อัตราจ้างในอัตราเดือนละ 5,000 บาท


อว.จะดำเนินการจ่ายค่าจ้างผ่านบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก และมีการเชื่อมโยงข้อมูลการจ้างงานกับแพลตฟอร์มแรงงาน (Labour Platform) ของกระทรวงแรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเป้าหมายของโครงการ ฯ ซ้ำซ้อนกับโครงการ/มาตรการอื่นๆ ของภาครัฐทั้งหมดต่อไป


เป้าหมายสำคัญของการดำเนินการในปีแรก จะยกระดับตำบลที่มีความพร้อมสูงไปสู่ระดับความยั่งยืน ซึ่งมีประมาณ 750 ตำบลที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคม สามารถพัฒนาชุมชนของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง


ส่วนที่ 2 จะยกระดับตำบลที่มีความพร้อมปานกลางไปอยู่ระดับพอเพียง ซึ่งมีประมาณ 1,500 ตำบล ให้มีความสามารถในการพึ่งพาตนเองในระดับหนึ่งจากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมที่มีอยู่ในพื้นที่


ในส่วนที่ 3 จะยกระดับตำบลที่มีความพร้อมต่ำหรือมีความยากลำบากอยู่มาก ไปสู่ระดับที่มีความสามารถจะอยู่รอดได้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมีประมาณ 750 ตำบล


สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ตามปัญหาและความต้องการของชุมชน ส่งผลต่อการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของตำบลเป้าหมาย เกิดการจ้างงานที่ตอบสนองต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ และเกิดเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ระหว่างสถาบันอุดมศึกษาและชุมชน



ข้อมูล PostToday

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ศึกชิงจ้าวสายน้ำ!! แข่งเรือยาวประเพณีบุ่งคล้า

  ศึกชิงจ้าวสายน้ำ แข่งเรือยาวประเพณีบุ่งคล้า 🛶 ร่วมสืบทอดประเพณี วัฒนธรรมทางสายน้ำอันยิ่งใหญ่ !! ระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน 2566 ณ ริมฝั่...