กรณีชาวสวนปลูกผักริมโขงหน้าเทศบาลเมืองบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ เดือดร้อนเป็นกังวลว่าทางราชการจะเข้ายึดพื้นที่คืนทั้งหมด โดยจะไม่ให้ชาวบ้านได้ปลูกพืชผักทำมาหากินอีกต่อไปนั้น จึงร้องสื่อมวลชนพร้อมกับส่งตัวแทนออกมาประท้วง วันนี้ทั้งนายอำเภอเมือง โยธาจังหวัด และนายช่างโยธา อบจ.ได้ลงพื้นที่พร้อมกับชี้แจงให้ผู้นำชุมชนได้รับทราบเบื้องต้นว่าแนวทางการพัฒนาพื้นที่แลนด์มาร์ค 500 ไร่เป็นอย่างไร
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 มี.ค. ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬได้รายงานว่า นายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ภูธิวุฒิ สถาปนิกชำนาญการ สำนักโยธาธิการและผังเมืองบึงกาฬ นายจักรภพ โพธิชัย นายช่างโยธาชำนาญการ อบจ.บึงกาฬ และนายอาทิตย์ สิริวงษ์ กำนันตำบลบึงกาฬ ที่เป็นตัวแทนของชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบได้ลงพื้นที่ริมน้ำโขง หน้าเขตเทศบาลเมืองบึงกาฬ จุดที่จะสร้างแลนด์มาร์ค 500 ไร่ และแลนด์มาร์คส่วนขยายอีกประมาณ 95 ไร่ ซึ่งส่วนมากที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นพื้นที่ปลูกพืชผักเศรษฐกิจระยะสั้น 3 เดือน เพื่อส่งขายป้อนตลาด มีทั้งข้าวโพดส่งโรงงาน แตงกวา ถั่ว ผักชี กะหล่ำปลี มันแกว ซึ่งแลนด์มาร์คตามแผนผังเดิมที่ติดประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้นั้นทุกคนเห็นดีด้วย แต่พอมีส่วนขยายจึงกระทบวิถีชีวิตของชาวสวน ที่ยึดอาชีพปลูกพืชผักมาเป็นเวลาช้านาน
นายธีระพล นอภ.กล่าวว่า มาวันนี้เพื่อนำส่วนเกี่ยวข้องได้ลงมาดูพื้นที่จริง พร้อมกับได้ชี้แจงให้ผู้นำชุมชนได้เข้าใจ ว่าทิศทางการพัฒนาพื้นที่ดินริมโขงเราจะดำเนินงานไปอย่างไร นอกจากพื้นที่แลนด์มาร์ค 500 ไร่แล้ว ส่วนที่ทำแผนที่ส่วนขยายออกมาอีก 95 ไร่ เพื่อนำไปเป็นพื้นทีปลูกทำเกษตรวิถี ส่วนชาวสวนที่ปลูกพืชผักอยู่ก่อนแล้วก็ขอให้ดำเนินการตามวิถีของตัวเองต่อไปได้ ระหว่างนั้นอาจใช้เวลา 2-3 ปีทางราชการก็จะออกสำรวจประกาศเป็นพื้นที่ น.ส.ล.หรือหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ซึ่งที่ดินส่วนนี้ไม่สามารถนำไปออกโฉนดที่ดินได้
นายชัยวัฒน์ ภูธิวุฒิ สถาปนิก กล่าวว่าในฐานะที่ตนเป็นคนออกแบบแลนด์มาร์กแห่งใหม่ 500 ไร่ นอกจากจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดชมวิวริมโขง หรือเช็คอินของนักท่องเที่ยวแล้ว ส่วนขยาย 95 ไร่ ก็จะทำเป็นสวนเกษตรปลูกผักปลอดสารพิษ เพื่อจะให้นักท่องเที่ยวได้มาชม มาช่วยซื้อผักสวนครัวที่ปลอดภัย นอกจากนี้ก็จะตัดถนนขึ้นมาใหม่อีกเส้น ขนาดกับถนนข้าวเม่าริมโขง เชื่อมต่อถนนชาญสินธ์ลงทางใต้ถึงบ้านนาโนนหมู่ 4 ต.บึงกาฬ เพื่อเป็นถนนนำนักท่องเที่ยวชมเกษตรวิถี ชมวิวทิวทัศน์ริมโขง มันก็จะเป็นการสร้างเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ชาวสวนอีกทาง ส่วนร้านอาหารและที่พักโรงแรมก็จะคึกคักมีรายได้เพิ่มขึ้นไปด้วย
ด้านนายขจรเดช ถูระวรณ์ ปลัดเทศบาลเมืองบึงกาฬ รักษาการนายกเทศบาล เปิดเผยว่าทางเทศบาลไม่มีนโยบายที่จะไปยึดที่ริมโขงมาสร้างสำนักงาน ลำพังงบที่ได้รับมาก็จะไม่พอจ่ายเงินเดือนพนักงานอยู่แล้ว ไหนจะค่าซ่อมบำรุงเครื่องจัก ซ่อมถนนและไฟฟ้าแสงสว่าง ซึ่งเทศบาลเมืองบึงกาฬก็พึ่งยุบรวม 3 อปท.คือ อบต.บึงกาฬ ทต.วิศิษฐ์และทต.บึงกาฬ มาได้ 6 เดือน จึงไม่มีแผนงานสร้างสำนักงานแห่งใหม่ที่ริมโขงแน่นอน ขอให้พี่น้องชาวสวนสบายใจได้.
บึงกาฬ // ข่าว : เกรียงไกร พรมจันทร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น